วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Killing Field ! สยองที่สุดของโลก

สังหาร ในเขมร (Killing field)

  

"พ่อแม่พี่น้องผมก็ถูกฆ่า" น้ำเสียงขมขื่นของมัคคุเทศก์แทรกความเงียบขึ้นมาเบาๆ "….." "ตัวผมก็เฉียดตาย หลายครั้งที่แม้จะหิวจนไส้กิ่ว ผมก็ไม่แตะต้องอาหารที่พวกมันเอามาให้" กล้ามเนื้อที่เคร่งขดึงรั้งให้เห็นริ้วรอยบนใบหน้าชัดขึ้น "ตายเป็นล้านเลยใช่ไหม" ฉันเอ่ยอย่างน้ำลายเหนียวคอ "เขาว่าจริงๆ ตายเกือบ 3 ล้าน ไม่ใช่ไม่อย่างที่รายงาน" ชายวัยกลางคนนี้กล่าวด้วยเสียงแหบพล่า





'โตสะแลง (Tuol Sleng)' อาจะฟังดูไม่คุ้นหูคุ้นตา แต่ถ้าเป็น 'Killing field' หรือ 'ทุ่งสังหาร' ของเขมร คงพอจะนึกออกว่าเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ที่ทำลายล้างกันเอง โตสะแลงเป็นสถานกักกันในกรุงพนมเปญซึ่งดัดแปลงมาจากโรงเรียน โดยเขมรแดงเรียกว่า 'Security Prison 21' หรือเรียกย่อว่า 'S-21'





บริเวณรายรอบโรงเรียนแทนที่จะเป็นที่เด็กวิ่งเล่นกลับกลายเป็นที่ฝังศพ ริ้วธงสีสดใสที่ควรจะมีกลับแทนที่ด้วยลวดหนามไฟฟ้าเพื่อกันนักโทษกระโดดลงมาปลิดชีพตัวเองแทนการอยู่อย่างสัตว์ที่เจ็บปวดทรมาน






ห้องเรียนเปลี่ยนเป็นห้องขัง ผนังปูนสีเหลืองหม่นและพื้นตารางขาวเหลืองสีกระดำกระด่าง ทำให้ซากเตียงสนิมเขลอะซึ่งเคยรองรับร่างนักโทษที่ถูกทรมานจนตายคาเตียงมานับไม่ถ้วนดูทมึนอย่างบอกไม่ถูก บนเตียงที่ปูด้วยเสื่อขาดกระรุ่งกระริ่งมีกะป๋องสี่เหลี่ยมเล็กๆ สำหรับใส่อุจจาระปัสสวะวางอยู่ ดอกลั่นทมสีขาวบอบบางวางบนจอบเก่าคร่ำคร่า อาวุธซึ่งใช้ประหัตประหารผู้ถูกคุมขัง ดูเสมือนเป็นความกลมกลืนที่ขัดแย้ง รูปศพผู้ถูกคุมขังที่นอนตายเลือดเจิ่งนองพื้นอย่างน่าสังเวชอนาถใจ ใบหน้าถูกจามเละด้วยจอบบนผนังเพิ่มความสยดสยองให้ผู้พบเห็น






นักโทษถูกล่ามด้วยท่อนเหล็กหนาแล้วตรึงกับพื้นห้องหรือผนัง ที่ซึ่งใช้ในการกินนอนขี้เยี่ยว ทุกวันที่ยังมีลมหายใจ พวกเขาต้องลุกตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเปลื้องผ้าเพื่อให้ผู้คุมค้นหาวัสดุที่อาจจะนำมาใช้ฆ่าตัวตายได้ มีข้าวมื้อละ 4 ช้อน สองมื้อต่อวัน กับน้ำแกงประทังชีวิต ถ้ารอดจากการถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆ มา ก็ต้องข่มตาหลับให้ได้ท่ามกลางกลิ่นเหม็นของอสุภและเสียงร้องของสัตว์โลกที่ทุกข์เข็นซึ่งเล็ดลอดออกมาจากกรามที่ขบแน่น




เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ทรมานนักโทษเพื่อให้สารภาพ ไม่ว่าจะเป็นอ่างน้ำ ราวห้อยหัว ที่ช๊อตไฟฟ้า มีด คีมดึงเล็บ ที่หนีบหัวนม และอะไรต่อมิอะไรที่ยากแก่การบรรยาย จัดวางให้เห็นอย่างเรียบง่าย สะท้อนบรรยากาศดิบๆ อย่างตรงไปตรงมา




รูปนักโทษจากทะเบียนประวัติบ่งบ่อกถึงอารมณ์หลายหลาก บางสายตาเบิกโพลงตื่นตระหนก บ้างหวาดหวั่น บ้างเศร้าสร้อย บ้างหมดหวัง สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมากระชากใจผู้พบเห็นยิ่งนัก โดยเฉพาะรูปหญิงสาวที่อุ้มลูกน้อยมีสายน้ำตาไหลรินอาบแก้มสะกดให้แข้งขาขยับเขยื้อนไม่ได้





ใช่ว่านักโทษเท่านั้นที่เจ็บปวดรวดร้าว แม้แต่ผู้คุมที่ใช้ชีวิตวัยเยาว์ในการห่ำหั่นทำร้ายผู้อื่นก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน รูปเปรียบเทียบผู้คุมในวัยชราปรากฏดวงตาที่ไร้สุขมิเคยเปลี่ยนแปลงแม้กาลเวลาจะผันผ่านเนิ่นนานเพียงใด




คาดว่าน่าจะมีคนมาสังเวยชีวิตราว 20000 ศพ มิใช่ 17000 ศพ ตามรายงาน มันมากเสียจนต้องส่งไปฝังที่อื่น หนึ่งในนั้นคือ Choeung Ek





สนามหญ้าเขียวชอุ่มที่ประดับประดาด้วยดอกลั่นทมสีขาว รายรอบด้วยแมกไม้นาๆ พันธุ์ร่มครึ้ม สายลมโชยมาเบาๆ ลูบไล้เหงื่อออกจากใบหน้า




เราคงเอนกายพักใจอย่างรื่นรมย์ถ้ามันไม่ใช่ เป็น 'Killing field' หรือ 'ทุ่งสังหาร' ของเขมร




บางหลุมเต็มไปด้วยร่างที่ไร้ศีรษะ




บางหลุมดารดาษไปด้วยร่างไร้วิญญาณของเด็กน้อยที่ถูกทุบตีจนตาย




ต้นไม้ที่เติบโตด้วยเลือดและซากศพสยายกิ่งก้านบิดเบี้ยวทมึนอยู่เหนือหลุมศพ ดูเสมือนวิญญาณที่มิได้ผุดได้เกิด บางต้นใช้กิ่งไม้เป็นที่แขวนลำโพงเปิดเพลงกลบเสียงร้องโหยหวนของนักโทษที่ถูกทรมานจนตาย




อนุสรณ์เจดีย์ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบใหม่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า มีฐานล่างรูปทรงเหลี่ยมทาสีขาวมีตู้กระจกอยู่ตรงกลาง ภายในบรรจุเศษเสื้อผ้าของคนตายอยู่ชั้นล่างสุด เมื่อแหงนมองขึ้นไปจะเห็นกองหัวกะโหลกละลานตาตามกลุ่มอายุลดหลั่นเป็นชั้นๆ ขึ้นไปจนสุดลูกหูลูกตา




อนุสรณ์แห่งการทำลายล้างเผ่าพันธุ์เดียวกัน ที่เราหวังว่า..คงจะไม่มีสัญลักษณ์อัปยศอดสูอย่างนี้ในผืนแผ่นดินไทยของเรา

Credit : http://www.dek-d.com/

2 ความคิดเห็น:

  1. โธ่ก็นึกว่าเป็นที่ผีเฮี้ยน

    แบบมีคำสาปคนเข้าไปตายไรงี้

    เป็นสถานที่ประหารนี่เอง

    ตอบลบ
  2. น่ากลัวอ่ะ น่าสงสารด้วย โหดร้าย

    ตอบลบ